Avatar 2 มันส์แน่นอน
Avatar 2 มันส์แน่นอน อัพเดทสิ่งที่จะเกิดขึ้น ลิ้งเดียวจบ
เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทุกคนทั้งโลกรอคอยอย่างเรื่อง Avatar ของผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน ที่ถือเป็นภาพยนตร์ไซไฟที่สร้างประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่มาก ทั้งเรื่องรายได้ การบุกเบิกเทคโนโลยีของกระบวนการถ่ายทำภาพยนตร์ ไปจนถึงเป็นต้นแบบของภาพยนตร์ระบบสามมิติที่ใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
ล่าสุด เจมส์ คาเมรอน ก็ได้มีการอัพเดทข่าวคราวของภาพยนตร์เรื่องนี้หลังจากให้แฟนหนังรอกันมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงที่จะกลับมา วันกำหนดฉาย นอกจากนี้แล้วไฮไลท์เด็ดก็คงจะหนีไม่พ้นการนำ เทคโนโลยีสามมิติแบบใหม่มาใช้กับภาพยนตร์ภาคต่อ Avatar ทั้งหมด
วันกำหนดเข้าฉาย
Avatar 2: Dec. 18 ปี2020
Avatar 3: Dec. 17 ปี2021
Avatar 4: Dec. 20 ปี2024
Avatar 5: Dec. 19 ปี2025
นอกจากนี้แล้วยังได้ทีมเขียนบทมือดีอย่าง ริก จาฟฟา, อแมนด้า ซิลเวอร์,โจช ฟรายด์แมน และเชน ซาเลอร์โน ร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ช่วยเจมส์ คาเมรอน
ทางด้านเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้ จอน แลนเดา โปรดิวเซอร์ของ Avatar 2 ก็ได้กล่าวว่า “หัวใจหลักของหนังทุกเรื่องคือตัวละคร และหนึ่งในจุดแข็งของบทหนัง คือเรื่องที่เป็นสากลและเข้าถึงได้ง่ายอย่างครอบครัว ซึ่งจุดศูนย์กลางของหนังทั้งสี่ภาคจะเป็นครอบครัวซัลลี่ โดยแต่ละภาคจะเป็นหนังเดี่ยว มีบทสรุปของตัวเอง แต่หากมองที่ภาพรวมแล้ว ทั้ง 4 ภาค จะเป็นมหากาพย์การเดินเรื่องครั้งยิ่งใหญ่ที่เชื่อมต่อกันสำหรับผู้ชมทั่วโลก”
เทคโนโลยีล้ำหน้า
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีความล้ำหน้า และนำเทคโนโลยีสามมิติเข้ามาใช้ที่เขาจับมือพัฒนาร่วมกับบริษัทชั้นนำอย่าง Christie Digital คือระบบจอ RGB Laser Projection อันเป็นจอฉายแบบใหม่ใช้ระบบยิงเลเซอร์ ทำให้ผู้ชมสามารถชมภาพยนตร์สามมิติได้โดยไม่ต้องสวมแว่นตาให้เกะกะใบหน้า ทั้งยังลดปัญหาอาการเวียนหัว และผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่ทำให้ผู้ชมมีประสบการณ์ที่ไม่ดีนักขณะชมภาพยนตร์สามมิติ
เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับหนังคนดังยืนยันว่าเขาพยายามพัฒนาหาแนวทางที่คนดูหนังสามารถดูหนัง 3 มิติในโรงภาพยนตร์ได้โดยไม่ต้องสวมแว่น 3 มิติ และมีความเป็นไปได้ว่าจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่นี้จาก Avatar ภาคต่อไป
“ผมกำลังพยายามผลักดัน ไม่เพียงแค่เรื่องเครื่องไม้เครื่องมือการถ่ายทำที่ดีขึ้น, กระบวนการทำงานในกองถ่าย, การถ่ายทำในเฟรมเรตที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่ผมยังมองถึงการพัฒนาการฉายภาพยนตร์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และแน่นอนว่าเมื่อถึงตอนนั้นจะไม่ต้องใช้แว่น 3 มิติมาดูหนังอีกต่อไป ผมมั่นใจว่ามันเกิดขึ้นแน่นอน” ผู้กำกับคนดังกล่าว
แม้รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการทำงานหรือวัสดุที่ใช้ยังคงปิดเป็นความลับ แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าจากข้อมูลที่ออกมาในเวลานี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีพอสำหรับอนาคตของภาพยนตร์สามมิติ ทุกคนค่อนข้างวางใจในตัว เจมส์ คาเมรอน เพราะความมุ่งมั่นของเขาที่ไม่ล้มเลิกความตั้งใจง่าย ๆ และพัฒนามันไปให้สุดทาง
เจมส์ คาเมรอน เคยเสี่ยงสร้างภาพยนตร์เรื่อง Titanic (1997) ด้วยทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญ จนได้รับรางวัลออสการ์ถึง 11 สาขา และกลายเป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดในโลก ด้วยรายได้ที่สูงถึง 2.2 พันล้านเหรียญ ต่อมาเขาก็ทำให้ Avatar (2009) กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในโลกแทนด้วยรายได้ 2.8 พันล้านเหรียญ
นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้แฟนๆภาพยนตร์ทั่วโลกต่างรอคอยการกลับมาของ เจมส์ คาเมรอน และภาพยนตร์ Avatar 2 ว่าจะสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการภาพยนตร์ได้อีกครั้งหรือไม่
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น